คอร์ส โรคหัวใจและหลอดเลือด
โมดูลที่ 2 - ปัญหาหัวใจ
บทเรียนที่ 2 - หลอดเลือดหัวใจ
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
เมื่อพูดถึงโรคหัวใจทั่วๆ ไป เราจึกมักหมายถึงโรคหลอดเลือดแดงที่เลี้ยงหัวใจตีบหรือตัน จนหัวใจขาดเลือด หรือกล้ามเนื้อหัวใจตายที่เรียกว่า "หลอดเลือดหัวใจตีบ" ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้หัวใจมีปัญหา จากสถิติพบว่าโรคหลอดเลือดหัวใจตีบมักเกิดกับผู้ชายที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป และผู้หญิง อายุ 55 ปีขึ้นไป แต่ทุกวันนี้ผู้ป่วยโรคหัวใจตีบมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากและอายุของผู้ป่วยก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะในกลุ่มคนเมืองรุ่นใหม่ ดังนั้นเรามาดูปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจกันดีกว่า
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ
- ปัจจัยเสี่ยงที่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้
- ปัจจัยเสี่ยงที่สามารถปรับเปลี่ยนได้
ปัจจัยเสี่ยงที่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้
คือ
- ประวัติครอบครัว หากมีบุคคลในครอบครัว เช่น ปู่ย่า ตายาย พ่อแม่ พี่น้อง เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยคุณหมอเคยบอกว่าเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน กล้ามเนื้อหัวใจตาย หรือขาดเลือด หรือเคยได้รับการผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจ หรือขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูน ใส่ขดลวดขยายหลอดเลือด
- อายุ เมื่ออายุมากขึ้นเกิดการเสื่อมสภาพของหลอดเลือดเพิ่มขึ้นตามวัย
- เพศ ผู้ชายมีโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้มากกว่าผู้หญิง แต่ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนแล้วมีโอกาสของโรคหลอดเลือดหัวใจใกล้เคียงกับผู้ชาย
ปัจจัยเสี่ยงที่สามารถปรับเปลี่ยนได้
เบาหวาน ความดันโลหิต ไขมันในเลือด บุหรี่ อ้วนพีมีพุง แต่อย่างแรกที่ทำได้ คือ
อ้วนพี มีพุง หรือน้ำหนักและความอ้วน
การปล่อยให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การมีดัชนีมวลกายที่มากขึ้นเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด อยากรู้ไหมว่า ตอนนี้เราอยู่ในภาวะอ้วนเกินไปหรือเปล่า
ลองมาดูวิธีคิดกัน
วิธีแรกใช้ดรรชนีมวลกาย หรือ BMI (สมส่วน ผอม อ้วน)
เป็นมาตรฐานในการประเมินภาวะอ้วนหรือผอม ในผู้ใหญ่ที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ซึ่งคำนวนจากการใช้นำหนักเป็นกิโลกรัมแล้วหารด้วยส่วนสูงที่วัดเป็นเมตรยกกำลัง 2 ฟังดูเหมือนยาก แต่จริงๆแล้วง่ายมากเลยนะ สูตรนี้ใช้ได้ทั้งหญิงและชายด้วย ลองมาดูตัวอย่างกันดีกว่า
ถ้าคุณสมนึกหนัก 60 กิโลกรัม และ สูง 160 เซ็นติเมตร ดัชนีมวลกายจะเท่ากับเท่าไหร่?
- น้ำหนักตัวเป็นกำโลกรัมหารด้วยส่วนสูงเป็นเมตรยกกำลังสอง ก็คือ ใช้ 60 ตั้ง หารด้วย 1.60 ยกกำลัง 2 ดังนั้นดัชนีมวลกายจะเท่ากับ 23.43
- แล้วนำค่าที่ได้มาเทียบในตารางเกณฑ์ดัชนีมวลกายของคนเอเชีย ดัชนีมวลกายตั้งแต่ 23.43 จนถึง 24.9 กิโกลกรัมต่อตารางเมตร ถือว่าน้ำหนักเกิน ถ้าน้ำหนักตั้งแต่ 25 ขึ้นไป ถือว่าอ้วน
- ถ้าอยากให้ดัชนีมวลกายน้อยกว่า 23.43 เช่นเป็น 23 แทนน้ำหนักที่เท่ากับดัชนีมวลกาย 23 คือ 23 คูณ 1.6 ยกกำลัง 2 เท่ากับ 58.8 กิโลกรัม ตอนนี้หนัก 60 กิโลกรัม แสดงว่าน้ำหนักของคุณสมนึกเกิน 1.2 กิโลกรัม เมื่อรู้แล้วคุณสมนึกก็จะได้ตั้งเป้าหมายว่า ควรจะลดน้ำหนักลงไปอีก 1.2 กิโลกรัมนะคะ
วิธีที่ 2 ดูจากรอบเอว
มีสูตรง่ายๆ ให้เอาส่วนสูงตั้งแล้วหาร 2 จะได้รอบเอวที่เหมาะสม ไม่ควรเกินนี้ เช่น ถ้าสูง 160 เซ็นติเมตร เอา 160 หาร 2 จะได้ 80 เซ็นติเมตร หรือเท่ากับ 32 นิ้วนั่นเองถ้าเกินกว่านี้ถือว่าเริ่มอ้วนแล้ว
ปัจจัยเสี่ยงที่เราเปลี่ยนแปลงได้ก็ยังมีอีกดังนี้
- ภาวะความดันโลหิตสูง
มีเกณฑ์วินิจฉัยคือ มีค่าตั้งแต่ 140/190 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไปแล้วพบว่า การรับประทานเกลือโซเดียมมาก เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ความดันโลหิตของเราสูงเพิ่มมากขึ้นด้วย
- ความเครียด
ปัจจัยทางด้านความเครียด เช่นสภาพจิตใจที่เซ็ง ซึมเศร้า ฟุ้งซ่าน มีความเครียดเรื้อรังเป็นเวลานานติดต่อกันและจัดการกับสาเหตุความเครียดไม่ได้ ภาวะเก็บกดรู้สึกไม่เป็นมิตร ขาดการเชื่อมความสัมพันธ์ทางสังคมและครอบครัว ความรู้สึกว่าตนเองมีปมด้อยทางด้านการเงินและสถานะทางสังคม
- ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง หรือโรคเบาหวาน
ระดับในตาลในเลือดสูงเรื้อรัง ส่งผลให้หลอดเลือดเสื่อมและทำให้อวัยวะต่างๆ ของร่างกายเสื่อมสภาพและถูกทำลายก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตามมา
- ไม่ออกกำลังกาย
พบว่าการมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ หรือมีกิจกรรมนั่งๆนอนๆ จะทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้น 1.5 เท่า
- กินผักและผลไม้ในแต่ละวันน้อยเกินไป
ปัจจุบันนี้คนเรารับประทานอาหารที่มีรสหวาน อาหารรสเค็ม อาหารที่มีเกลือโซเดียมในอาหารมากเกิน อาหารที่มีไขมันและแคลลอรีสูง แต่รับประทานผักและผลไม้น้อย ซึ่งเป็นผลก่อให้เกิดปัจจัยเสี่ยงต่อการก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้
- สูบบุหรี่
ทั้งผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ ผู้ที่ไม่สูบบุหรี่แต่ได้รับควันบุหรี่จากผู้อื่น ผู้ที่ได้รับควันบุหรี่มือสอง ผู้ที่สูบยาสูบแบบไม่มีควัน เช่น ยาฉุน ยาเส้น รวมถึงผู้ที่เคยสูบบุหรี่ติดต่อกันเป็นมาเวลานานแล้วเพิ่งหยุดสูบบุหรี่ไปได้ไม่นาน พบว่าผู้สูบบุหรี่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจขาดเลือดมากกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 2.4 เท่า เพราะสารต่างๆ ในบุหรี่ รวมถึงควันบุหรี่ ส่งเสริมให้เกิดหลอดเลือดแดงตีบ หรืออุดตันเฉียบพลันได้ในทันที
จากที่กล่าวมานี้ เรามีปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหัวใจที่ว่ามาบ้างไหม หากมีความเสี่ยงแม้เพียงเล็กน้อย ก็ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำที่ถูกต้อง
คุณได้สะสม 0 แต้มกิจกรรม [ เริ่มสะสมใหม่ ]
สำหรับคอร์สโรคหัวใจ สะสมครบ 13 แต้ม เพื่อรับประกาศนียบัตรหลักสูตร NCDs School รู้เรื่องโรคหัวใจ จากมูลนิธิหมอชาวบ้าน
กติกา
- ทำกิจกรรมท้ายบทเรียน ถ้าทำถูกกิจกรรมใดจะได้คะแนน 1 แต้ม (ทำถูกข้อเดิมไม่ได้คะแนนเพิ่ม)
- คะแนนจะถูกลบเมื่อท่านปิดหน้าต่างบราวเซอร์ หากต้องการสะสมเพื่อให้ได้ประกาศนียบัตร กรุณาทำให้เสร็จในการเรียนครั้งเดียว
- คะแนนที่สะสมเป็นของคอมหรือมือถือเครื่องนั้นๆ ผู้สะสมคนเดิมหากเปลี่ยนเครื่องจะต้องเริ่มสะสมใหม่